ย้อนเส้นทางกว่าจะเป็น "Harry Styles" ศิลปินดังและแฟชั่นไอคอนระดับโลก
ถ้าจะปังปุริเย่ขนาดนี้.. ก็ย้อนเส้นทางกว่าจะเป็น “Harry Styles” กันไปเลยสิคะ! เพราะตั้งแต่ปี 2022 เขาคนนี้ก็ทุบสถิติความสำเร็จของตัวเองแบบถล่มทลายและหลากหลายด้าน จนแฟนคลับไม่อาจต้านความสามารถและจิตวิญญาณแห่งศิลปินของเขาได้
“Harry Edward Styles” ชื่อเต็มๆ ของศิลปินเดี่ยวสายแฟวัย 28 จากเกาะอังกฤษ ผู้ที่เติบโตมาพร้อมกับทักษะและความสามารถของการเป็นซูเปอร์สตาร์แห่งวงการบันเทิงระดับโลก ซึ่งบางคนก็รู้จักเขาจากการเป็นอดีตสมาชิกวงบอยแบนด์สุดฮอต “One Direction” บางคนก็รู้จักเขาจากการเป็นเฮดไลน์ในไลน์อัพ “Coachella 2022” บางคนก็รู้จักเขาจากเพลงฮิตสุดไวรัลบน TikTok อย่าง “Watermelon Sugar” และ “As It Was”
งั้นเรามาไล่เรียงลำดับของเส้นทางการเติบโตของ “Harry Styles” ศิลปินรูปงามผู้เฉิดฉายและเปล่งประกายบนวงการบันเทิงเป็นอันดับต้นๆ ว่าด้วยระยะเวลา 10 กว่าปีของเขานั้นต้องผ่านเรื่องราวอะไรมาบ้างกว่าจะมาเป็น “ศิลปินเดี่ยว” ที่มาพร้อมกับซาวด์ดนตรีสุดหรรษาและแฟชั่นที่โดดเด่นสะดุดตาแบบสุดตัว!
ปี 2010 : จุดเริ่มต้นของเส้นทางดนตรีของ “Harry Styles”
แฮร์รีมีแพชชั่นในการร้องเพลงมาตั้งแต่ยังวัยเด็กแบบสุดๆ ถึงขั้นฟอร์มวงดนตรีชื่อ “White Eskimo” สมัยเรียนอยู่ที่ Holmes Chapel Comprehensive School และแน่นอนว่าเขาครองตำแหน่งร้องนำ จนอายุครบ 16 ปี เขาได้ลองไปออดิชั่นรายการเฟ้นหานักร้องหน้าใหม่อย่าง “The X Facter Season 7” ของประเทศอังกฤษแต่ก็ตกรอบไปในรอบ Bootcamp ซึ่งนี่คือโชคชะตาที่ “Simon Cowell” ได้ผุดไอเดียเจ๋งๆ พาแฮร์รีมารวมกลุ่มกับ 4 หนุ่มวัยใสอย่าง “Louis Tomlinson” , “Niall Horan” , “Liam Payne” และ “Zayn Malik” ที่กลายมาเป็นเพื่อนและวงบอยแบนด์ที่แฟนๆ ทั่วโลกหลงรักหมดใจอย่าง “One Direction”
ปี 2011 : “One Direction” หนึ่งในบอยแบนด์ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในวงการ
หลังจบรายการ The X Facter กรรมการสุดเข้มอย่าง “Simon Cowell” ผู้ที่เป็นเจ้าของค่ายเพลง “Syco Music” ก็ได้ชวนหนุ่มหล่อทั้ง 5 เซ็นสัญญาในฐานะวงบอยแบนด์ “One Direction” ทันที ซึ่งใครจะรู้ว่า.. นี่คือนาทีที่จะเปลี่ยนชีวิตของพวกเขาไปตลอดกาลพร้อมๆ กับการสร้างประวัติศาสตร์ให้กับอีกหนึ่งบอยแบนด์ที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในวงการดนตรีเลยก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าจะปล่อยซิงเกิลไหนออกมา แฟนๆ ก็ให้กระแสตอบรับที่ดีทะลุบาร์เสมอ ไม่ว่าจะเป็น “Perfect” , “Little Things” , “Best Song Ever” , “Story of My Life” หรือ “What Makes You Beautiful” ซึ่งตลอดระยะ 2011-2015 พวกเขาออกอัลบั้มทั้งหมด 4 ชุด ก่อนที่จะตัดสินใจพักวง “One Direction” อย่างไม่มีกำหนดในปลายปี 2015 เพื่อออกเดินทางตามเส้นทางของตัวเอง และแน่นอนว่าเหตุการณ์นี้ทำเอาแฟนคลับ เหล่าคนดัง และผู้คนทั่วโลกต่างช็อคไปตามๆ กัน
ปี 2017 : “Harry Styles” อัลบั้มเดี่ยวชุดแรกภายใต้ค่ายเพลง Columbia Records
กลับมาคราวนี้.. แฮร์รีได้สลัดความนักร้องหนุ่มป๊อปใสๆ แล้วกลายเป็นหนุ่มหล่อมาดคูลที่มาพร้อมกับน้ำเสียงทุ้มมีเสน่ห์และลีลาการเล่นกีตาร์สุดแพรวพราว อีกทั้งซาวด์ดนตรีของเขาในอัลบั้มนี้ก็มีการพัฒนาที่ก้าวกระโดดและฉีกแนวเดิมๆ ด้วยกลิ่นอายของ Pop-Rock ยุค 70’s ผสมกับ Soft-Rock และ Ballad นิดๆ จนทำให้ซิงเกิลแรกในฐานะศิลปินเดี่ยวอย่าง “Sign of The Time” ของแฮร์รีนั้นพุ่งทะยานสู่ “Billboard Hot 100” และกลายเป็น “Best Song of The Year” จากการอวยยศของ “Rolling Stone” อีกทั้งยังได้รับรางวัล “Music Video of The Year” จากเวที BRIT Awards
ปี 2019 : “Fine Line” อัลบั้มชุดที่สอง ต่อยอดความฮอตอย่างต่อเนื่อง
หลังจากได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากแฟนคลับทั่วโลกในฐานะศิลปินเดี่ยวอย่างล้นหลาม แฮร์รีก็ได้มุ่งมั่นทำเพลงเพราะๆ มาให้เสพย์ซาวด์ดนตรีสุดจัดจ้านและแสดงถึงแพชชั่นที่มีให้กับเสียงดนตรีได้อย่างเต็มเปี่ยม ในอัลบั้มชุดที่สอง “Fine Line” ที่มีเพลงดังอย่าง “Lights Up” และ “Adore You” ที่ติด Top 10 บนชาร์ตเพลงทั่วโลกและสามารถไต่อันดับ 3 บนชาร์ตเพลงในประเทศอังกฤษได้อีกด้วย และยังไม่พอ.. แฮร์รียังเป็นศิลปินชายชาวอังกฤษคนแรกที่มีสองอัลบั้มแรกขึ้นอันดับ 1 บนชาร์ต Billboard 200
ปี 2020 : ปรากฎการณ์แตงโมหวานกันทั้ง TikTok กับเพลง “Watermelon Sugar”
กลายเป็นชาเลนจ์ที่ต้องเล่นกันทั้งโลกและทำให้คนหลงรักในสไตล์เพลงของแฮร์รีมากยิ่งขึ้น! เพลง “Watermelon Sugar” เป็นซิงเกิลที่สามจากอัลบั้มเดี่ยวชุดที่สอง “Fine Line” ของเขา ซึ่งแน่นอนว่าเพลงฮิตขนาดนี้ก็จะต้องคว้าอันดับ 1 บนชาร์ต Billboard Hot 100 อยู่แล้ว และนี่ก็ถือว่าเป็นอีกครั้งที่เขาทำมาตราฐานของตัวเองไว้สูงขึ้นอีก แถมเพลงๆ นี้ยังคว้ารางวัล “Song of The Year” จากเวทีใหญ่ที่สุดของคนดนตรีฝั่งอังกฤษ “BRIT Awards 2021”
ปี 2021 : ศักยภาพด้านการแสดงก็โดดเด่น แฟชั่นการแต่งตัวก็จัดจ้าน
แน่นอนว่าแฮร์รีได้ฝากผลงานการแสดงไว้ในภาพยนตร์เรื่อง “Dunkirk” กับบทบาทนายทหารภาคพื้นดินจากกองทัพอังกฤษมาแล้วในปี 2017 แต่นั่นมันยังไม่พอกับความสามารถที่เขามี.. เพราะในปีนี้เส้นทางการแสดงของเขาได้เปิดกว้างและรับบทบาทที่ใครเห็นก็ต้องเอ่ยปากชม ไม่ว่าจะเป็นบทตำรวจไบเซ็กชวลใน “My Policeman” , บทน้องชายของธานอสใน Eternals หรือบทคู่สามีภรรยาที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านปริศนาใน Don’t Worry Darling ที่กำลังจะเข้าฉายเร็วๆ นี้
และในด้านของความแฟชั่นนิสตัวพ่อของแฮร์รี ที่ไม่ว่าจะขึ้นโชว์เวทีไหนๆ แฟชั่นของเขาแต่ละครั้งก็สร้างเสียงฮือฮาและเซอร์ไพรส์แฟนๆ ได้เกินคาดทุกครั้ง! จนเว็บไซต์ “Money.co.uk” ยกให้เขาเป็นบุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจเรื่องแฟชั่นมากที่สุดในโลกประจำปี 2021 และในการขึ้นปกนิตยสาร “Dazed” ฉบับประจำฤดูหนาวปี 2021 แฮร์รีก็จัดเต็มกับแฟชั่นเซ็ตกว่าสิบชุด แถมยังเป็นผู้ชายคนแรกในประวัติศาสตร์ด้านแฟชั่นที่ได้ขึ้นปกเดี่ยวของนิตยสาร “Vogue USA” และยังไม่พอ.. เพื่อสนองแพชชั่นด้านแฟชั่นที่มี เขาได้เปิดตัวแบรนด์ความงามของตัวเองที่มีทั้งน้ำยาทาเล็บและสกินแคร์ในชื่อแบรนด์ “Pleasing”
ปี 2022 : คลื่นลูกใหม่ที่กำลังจะกลายเป็นตำนานแห่งวงการดนตรี
เรียกว่าเป็นช่วงเวลาที่เขาทุบสถิติของตัวเองได้อย่างไร้ที่ติ! เพราะนอกจากจะได้ขึ้นเป็นเฮดไลเนอร์ในไลน์อัพ “Coachella Music Fest 2022” ที่มาพร้อมกับแขกรับเชิญสุดเซอร์ไพรส์ เพอร์ฟอร์แมนซ์สุดอลัง และชุดคอสตูมที่มีสีสันฉูดฉาดจนไม่สามารถละสายตาได้แล้ว เพลง “As It Was” ของเขาก็ยังดังจนกลายเป็นกระแสไวรัลบน TikTok ถึงขั้นมียอดสตรีมมิ่งสูงที่สุดภายในหนึ่งวันบน Spotify ของการเปิดตัวใน USA ด้วยจำนาน 8.3 ล้านครั้งภายในวันเดียว!!! และยังไม่พอ “Aw It Was” ยังถูกเปิดฟังบน Spotify ทั่วโลกสูงที่สุดด้วยยอด 21.6 ล้านครั้งภายในปี 2022
ซึ่งเพลงๆ นี้ยังเป็นซิงเกิลแรกที่อยู่ในอัลบั้มชุดที่สาม “Harry’s House” ที่เพิ่งปล่อยอัลบั้มเต็มออกมาสดๆ ร้อนๆ ด้วยการผสมผสานแนวดนตรีได้ครบทุกรสชาติ ทั้งร็อก ป๊อป ฟังก์ และซาวด์จากเครื่องดนตรีสังเคราะห์ที่แสนโดดเด่นจนไม่สามารถหยุดฟังได้! แถมบทเพลงเหล่านี้ยังสะท้อนให้แฟนๆ เห็นถึงการเติบโต ความคิด ตัวตน และเรื่องราวต่างๆ ของชายคนนี้ที่ชื่อว่า “Harry Styles” ผู้ที่เป็นศิลปินคนที่ 7 ที่มียอดฟังรายวันบน Spotify เกิน 100 ล้านครั้งและมีเพลงน้อยที่สุดแค่ 35 เพลงเท่านั้น!
ติดตามข่าวสารและเรื่องราวของ “Harry Styles” ได้ที่
Facebook : www.facebook.com/harrystyles
Instagram : www.instagram.com/harrystyles
Twitter : www.twitter.com/Harry_Styles
Youtube : www.youtube.com/c/HarryStyles
Website : https://hstyles.lnk.to/harryshouse
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก :
- www.vogue.co.th/fashion/article/harrystylemusicevolution
- www.facebook.com/harrystyles