ย้อนเส้นทางของ “Arctic Monkeys” ตำนานวงดนตรีสุดเก๋าจากเมืองเชฟฟิลด์แห่งเกาะอังกฤษ
“Arctic Monkeys” อีกหนึ่งวงดนตรีดังระดับโลกที่ใครหลายคนยกให้เป็น “ตำนานเพลงแห่งเกาะอังกฤษ” และเป็นศิลปินผู้ที่คว้ารางวัลใหญ่ๆ อย่าง “Brits Awards” และ “Grammy Awards” มาแล้วหลายครั้งจากบทเพลงที่มีเอกลักษณ์และสไตล์ความเป็น “Brit-Rock” และนี่คือเรื่องราวน่าทึ่งที่ควรรู้เกี่ยวกับ “Arctic Monkeys” ถ้าคุณเป็น Big Fan ตัวจริง!
เจ้าของเพลงฮิตตลอดกาล “I Bet You Look Good On The Dancefloor” , “Do I Wanna Know” , “One For The Road” และ “R U Mine?” อย่างวงดนตรีร็อกแถวหน้าจากเมืองเชฟฟิลด์แห่งเกาะอังกฤษ “Arctic Monkeys” ก่อตั้งในปี 2002 สมาชิกประกอบไปด้วย Alex Turner (นักร้องนำ/กีตาร์/คีย์บอร์ด), Jamie Cook (กีตาร์/คีย์บอร์ด), Matt Helders (กลอง/ร้องประสาน), Nick O'Malley (กีตาร์เบส/ร้องประสาน) และอดีตสมาชิกที่ออกจากวงไปเมื่อปี 2006 อย่าง Andy Nicholson (กีตาร์เบส/ร้องประสาน) พวกเขาได้สร้างผลงานเพลงอันน่าทึ่งมาแล้วถึง 7 อัลบั้ม ซึ่งเพลง "I Ain't Quite Where I Think I Am" ในอัลบั้มชุดล่าสุด “The Car” ที่เพิ่งปล่อยมาได้ 10 วันนั้นก็ได้รับกระแสที่ดีมากๆ โดนใจเหล่าสาวก “British Rock & Alternative Rock”
และเพื่อกระตุ้นความเท่ไปพร้อมๆ กับบทเพลงร็อกจาก “Arctic Monkeys” วันนี้แอดขอมาแชร์เรื่องราวต่างๆ ที่ควรรู้เกี่ยวกับ “Arctic Monkeys” วงดนตรีระดับแถวหน้าที่ถูกยกให้เป็น “อัจริยะและผู้ทรงอิทธิพลในวงการเพลง”
ปี 2002 : จุดเริ่มต้นของ “Arctic Monkeys” วงอินดี้ร็อกสุดเท่จาก “เมืองเชฟฟิลด์ ประเทศอังกฤษ”
การฟอร์มวงดนตรีที่มีชื่อว่า “Arctic Monkeys” มาจาก “Alex Turner” ที่เกิดความสนใจดนตรีและเริ่มค้นหาตัวเองอย่างจริงจังจนได้ชวนเพื่อนสนิทอย่าง “Matt Helders” มาเป็นมือกลอง , “Jamie Cook” เป็นมือกีตาร์ และ “Andy Nicholson” มาเป็นมือเบส (แต่ปัจจุบันมือเบสคือ “Nick O'Malley” นะ) มาร่วมกันทำวงดนตรีแนวร็อกขึ้นมา
การแสดงแรกภายใต้ชื่อ “Arctic Monkeys” เกิดขึ้นที่ผับในเมืองเชฟฟีลด์ “The Grapes” ซึ่งนั่นก็ยิ่งทำให้ความสนุกสนานและแพชชั่นของการทำเพลงของพวกเขายิ่งพุ่งพล่านจนเริ่มลงมือทำแผ่นซีดีเดโม่ 18 เพลงเต็มๆ แจกคนที่ตามไปดูโชว์ต่างๆ และอัปโหลดลง MySpace ของพวกเขาในชื่ออัลบั้ม “Beneath the Boardwalk” จนเริ่มมีคนติดตามผลงานเพลงพวกเขาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จากสไตล์เพลงร็อกสุดเท่
ปี 2006 : “What People Say I Am, That's What I'm Not” อัลบั้มเปิดตัวอย่างเป็นทางการที่มียอดขายเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ชาร์ตในประเทศอังกฤษ
เรียกว่าเป็นสิ่งที่น่าตกใจและชวนทึ่งให้กับวงการเพลงประเทศอังกฤษไม่น้อยเลย เพราะอัลบั้มเปิดตัววงดนตรี “Arctic Monkeys” กลายเป็นการสร้างหน้าประวัติศาสตร์ของความปังในการก้าวเท้าเข้าสู่การเป็นศิลปินเต็มตัวในสังกัดค่าย “Domino Records” กับอัลบั้มแรก “What People Say I Am, That's What I'm Not” ที่จัดเต็มเพลย์ลิสต์แนวร็อกเข้มข้นไว้ถึง 13 เพลงด้วยกัน จนถูกยกย่องว่านี่คือหนึ่งในอัลบั้มที่เปิดตัวได้ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศอังกฤษเลยล่ะ เพราะหลังจากวางขายได้แค่ 7 วันก็กลับสร้างยอดขายถล่มทลายถึง 360,000 ก็อปปี้!!!
แน่นอนว่าในอัลบั้มนี้ยังมีเพลง “When The Sun Goes Down” และ “I Bet You Look Good On The Dancefloor” ซิงเกิลเดือดๆ สมัยยังเป็นวงใต้ดินที่กลายเป็นเพลงฮิตครองชาร์ตอันดับ 1 ในอังกฤษและติดอยู่ในอันดับที่ 7 ในรายการ “500 Greatest Songs of All Time” ของนิตยสาร New Musical Express (NME) อีกทั้งอัลบั้ม “What People Say I Am, That's What I'm Not” ก็กวาดรางวัลไปมากมาย เช่น Best British Group และ Best British Album จากเวที Brit Awards 2006 หรือ Album Of The Year จากนิตยาสาร TIME ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งก้าวที่ทำให้แฟนเพลงได้รู้จักพวกเขาอย่างเป็นทางการมากขึ้น!
ปี 2013 : “AM” อัลบั้มดังในตำนานที่ทำให้ชาวโลกได้รู้จัก “Arctic Monkeys” วงดนตรี Brit-Rock สุดอัจฉริยะของวงการเพลง
หลังจากสร้างปรากฏการณ์ Fastest Selling Debut Album แบบถล่มทลายไปในอัลบั้มชุดที่ 1 “What People Say I Am, That's What I'm Not” พวกเขาทั้ง 4 ก็ยังคงสร้างผลงานเพลงสุดร้อนแรงอย่างต่อเนื่องออกมาอีก 4 อัลบั้มคุณภาพที่แฟนเพลงและนักวิจารณ์ต่างๆ ก็พากันยกย่องและชื่นชมความสามารถของ “Arctic Monkeys” ไม่ว่าจะเป็น
“Favorite Worst Nightmare” อัลบั้มชุดที่ 2 ในปี 2007 ที่มีเพลงฮิตสุดมันส์ “Fluorestcent Adolescent” , “505” และ “Brian Storm” โดยในสัปดาห์แรกที่วางขายอัลบั้มนี้กวาดยอดขายไป 220,000 ก็อปปี้ แถมยังคว้ารางวัล Best British Album จากเวที Brit Awards 2008
“Humbug” อัลบั้มชุดที่ 3 ในปี 2009 ที่กลายเป็นเพลงดังติดทุกชาร์ตทันทีที่ปล่อยเพลงที่ชื่อว่า “Crying Lighting” ออกมา ซึ่งในอัลบั้มนี้ได้มีการเพิ่มซาวด์ดนตรีใหม่ๆ จากการบินไปอัดเสียงที่อเมริกาอีกด้วย
“Suck It And See” อัลบั้มชุดที่ 4 ในปี 2011 ยังคงได้เสียงตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่องจากเพลง “Don’t Sit Down Cause I’ve Moved Your Chair” และ “Brick By Brick” ที่แค่เปิดตัวในสัปดาห์แรกก็ทยายสู่อัลบั้มขายดีในอังกฤษไปเลย
และพอก้าวเข้าสู่ปี 2013 พวกเขาก็ได้ปล่อยที่สุดของผลงานแสนคลาสสิกในอัลบั้มชุดที่ 5 ในชื่อ “AM” ที่สร้างชื่อให้ “Arctic Monkeys” โด่งดังและเป็นศิลปินแถวหน้าระดับโลกได้อย่างเต็ม 100% จากไลน์กีตาร์และเสียงร้องสุดมีเอกลักษณ์ของ “Alex Turner” ที่ส่งผลให้อัลบั้มนี้เต็มไปด้วยเพลงฮิตมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “R U Mine?” , “I Wanna Be Your” , “Why'd You Only Call Me When You're High?” , “Snap Out Of It” และที่สำคัญเพลง “Do I Wanna Know” ยังติดชาร์ตอันดับที่ 4 ของ “Billboard Hot 100” ในอเมริกาเป็นครั้งแรก แถมยังถูกใช้เป็นหนึ่งใน Original Soundtrack ในซีรีส์ Gangster ดังอย่าง “Peaky Blinders” คู่กับเพลง “One Of The Road” ก่อนจะปิดท้ายอัลบั้มสุดปังด้วยรางวัล “British Album Of The Year” จากเวที Brit Awards 2014 ซึ่งนี่ก็เป็นครั้งที่ 3 แล้วที่เขาคว้ารางวัลใหญ่จากเวทีนี้
ปี 2018 : กลับมาพร้อมความเซอร์และสไตล์ที่โตขึ้นเสมือนเป็นรุ่นใหญ่ในวงการเพลงด้วยอัลบั้มชุดที่ 6 “Tranquility Base Hotel & Casino”
แม้ว่าจะเติบโตอยู่บนเส้นทางดนตรีมานานกว่า 16 ปีแล้ว.. แต่ผลงานของ “Arctic Monkeys” ในแต่ละอัลบั้มก็ยังคงเอกลักษณ์ไว้อย่างมันส์ถึงใจและยอดเยี่ยมตามคุณภาพของวงดนตรีอินดี้ร็อกแถวหน้าของวงการเพลง จนพอถึงอัลบั้มชุดที่ 6 “Tranquility Base Hotel & Casino” กลับสร้างความขัดใจเล็กน้อยให้กับแฟนเพลงสายมันส์อยู่พอสมควร เพราะอัลบั้มนี้ถูกถ่ายทอดออกมาในรูปแบบที่ต่างออกไปจากอัลบั้มก่อนๆ ทั้งในเรื่องของลุคเซอร์ๆ ไว้หนวดเคราที่ดูมีความเป็นรุ่นใหญ่ และจังหวะเพลงที่เยือกเย็นและช้าลงจากเดิมเยอะมากๆ เสมือนว่าจะใช้เปียโนเป็นส่วนประกอบหลักของอัลบั้มนี้เลยก็ว่าได้
แต่แน่นอนว่าอัลบั้มแนวใหม่อย่าง “Tranquility Base Hotel & Casino” ก็ได้รับความนิยมจนถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลจากกเวทีใหญ่ๆ เหมือนเดิม แต่น่าเสียดายมากๆ ที่พวกเขาพลาดรางวัลเหล่านั้นไป ไม่ว่าจะเป็น Brit Awards 2019 สาขา Best British Group และรางวัล Grammy Awards 2019 ในสาขา Best Alternative Music Album of the Year
ปี 2020 : “Live At The Royal Albert Hall” อัลบั้มแสดงสดสุดพรีเมี่ยมที่นำรายได้จากคอนเสิร์ตและอัลบั้มมอบให้กับการกุศล “The War Child”
เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2020 หนุ่มๆ “Arctic Monkeys” ได้ออกอัลบั้มแสดงสดที่มีชื่อว่า “Live At The Royal Albert Hall” ที่พวกเขาได้หยิบเอา 20 เพลงดังในแต่ละอัลบั้มต่างๆ มาบันทึกใหม่ในสไตล์ที่น่าหลงใหล มันส์สุดติ่ง และเข้าถึงห้วงอารมณ์ของเพลงได้มากยิ่งขึ้น ซึ่งนับว่าเป็นการแสดงสดครั้งแรกในรอบ 4 ปีในสหราชอาณาจักรที่ “The Royal Albert Hall” สถานที่ที่มีชื่อเสียงระดับโลกในเมืองลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อปี 2018 โดยคอนเสิร์ตในครั้งนั้นได้ร่วมมือกับองค์กรการกุศลอย่าง “The War Child” และแน่นอนว่ารายได้จากคอนเสิร์ตและอัลบั้ม “Live At The Royal Albert Hall” นั้น พวกเขามอบให้กับการกุศลทั้งหมด
ปี 2022 : การกลับมาอย่างเรียบง่ายแต่นุ่มลึกในอัลบั้มชุดที่ 7 “The Car” ความหรูหราที่ตกผลึกจากอัลบั้ม “Tranquility Base Hotel & Casino”
หลังจากห่างหายการจากปล่อยอัลบั้มใหม่ไป 4 ปีหน่อยๆ เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2022 ก็ถึงฤกษ์ดีที่ “Arctic Monkeys” ปล่อยอัลบั้มชุดที่ 7 “The Car” มาให้แฟนเพลงทั่วโลกได้ดื่มด่ำกับรสชาติความนุ่มลึกของเสียงดนตรีร็อกที่เต็มไปด้วยการผสมผสานงานดนตรีที่หลากหลายมากขึ้น เสมือนว่าเป็นผลงานที่ต่อยอดและตกผลึกจากอัลบั้มชุดที่ 6 “Tranquility Base Hotel & Casino” นั่นเอง ซึ่งทั้ง 10 บทเพลงนั้นแทบจะได้กลิ่นอายของดนตรีครบทุกแนวเลย ไม่ว่าจะเป็น Rock Orchestra, Pop Lounge, Pop Baroque, Funk และความเป็น Jazz, Soul อยู่นิดๆ อีกด้วย
ซึ่งอัลบั้ม “The Car” ก็ได้รับเสียงชื่นชม 10 คะแนนเต็มจากสื่อดังต่างประเทศมากมาย เช่น NME, HOT PRESS, MOJO, MISIXEXPRESS เป็นต้น แต่แน่นอนว่าก็มีเสียงวิจารย์จากแฟนเพลงบางส่วนที่แอบรู้สึกผิดหวังกับอัลบั้มนี้เล็กน้อย เนื่องจากรอคอยการกลับมาแบบเก๋าๆ ด้วยดนตรีร็อกมันส์ๆ ที่เต็มไปด้วยความบ้าบิ่นสุดเดือดเหมือนกับอัลบั้ม “Humbug” และ “AM” แต่อัลบั้ม “The Car” กลับให้ความรู้สึกที่นุ่มนวลชวนละมุนละไมซะงั้น แล้วคุณล่ะ? พอฟังเพลงใหม่ในอัลบั้มใหม่ล่าสุดของพวกเขาทั้ง 4 หนุ่มแล้ว มีความคิดเห็นอย่างไรกันบ้าง แต่ไม่ว่าผลลัพธ์จะออกมายังไง.. พวกเราก็คงปฎิเสธไม่ได้เลยว่า “Arctic Monkeys” คือศิลปินที่มากฝีมืออันดับต้นๆ ของวงการเพลงระดับโลกที่เต็มเปี่ยมไปด้วยผลงานและไลฟ์สไตล์ที่ชาวโลกยกย่องตลอดไป!
และสำหรับแฟนคลับ “Arctic Monkeys” ชาวไทยที่อยากจะชมความเก๋าสุดเท่และตะโกนท่อนเพลงฮิตๆ ในคอนเสิร์ตมันส์ๆ ของศิลปินร็อกจากเกาะอังกฤษวงนี้ อดใจรอกันไปก่อนนะ เพราะหลายๆ สื่อก็แอบแว่วๆ ว่าในปี 2023 นอกจากจะมีทัวร์ในโซน “UK & Ireland” , “North American” , “European” คาดว่าจะต้องมีทัวร์ในโซน “Asia” แน่นอน!
รวมเรื่องน่าทึ่งก่อนจากของ “Arctic Monkeys”
- เพลง Snap Out Of It, Do I Wanna Know?, When The Sun Goes Down และ I Bet You Look Good On The Dancefloor คือผลงานเพลงที่สร้างยอดขายอัลบั้มสูงกว่า 20 ล้านแผ่นทั่วโลก
- ตลอดหลายปีที่ผ่านมา พวกเขาได้รับการถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลต่างๆ มากกว่า 100 รายการ
- สามารถคว้า 6 รางวัลจากเวทีใหญ่อย่าง “Brits Awards”, 20 รางวัลจากเวทีดังอย่าง “NME Awards”, และเคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลในเวทีอันทรงเกียรติ “Grammy Awards” 5 ครั้ง
- เมื่อปี 2015 “Al” ได้รับการเสนอชื่อให้เป็น “ชาวอังกฤษอายุต่ำกว่า 30 ปีที่ร่ำรวยที่สุด” ลำดับที่ 16 ด้วยทรัพย์สินมูลค่า 7.5 ล้านปอนด์
ติดตามข่าวสารและเรื่องราวของ “Arctic Monkeys” ได้ที่
Facebook : www.facebook.com/ArcticMonkeys
Instagram : www.instagram.com/arcticmonkeys
Twitter : www.twitter.com/ArcticMonkeys
Youtube : www.youtube.com/c/arcticmonkeys
Website : www.arcticmonkeys.com/live
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก :
- www.planetradio.co.uk/absolute-radio/music/news/arctic-monkeys/
- www.beartai.com/lifestyle/1165930
- www.unlockmen.com/past-present-future-an-icon-omega-speedmaster-57