3 Interesting facts about “DRAKE” แร็ปสตาร์ตัวท็อปแห่งวงการฮิปฮอประดับโลก
ส่งท้ายปี 2022 ไปกับ “3 Interesting Facts About Drake” แร็ปเปอร์ชื่อดังเจ้าของเพลงฮิปฮอปสุดปังระดับพันล้านวิวในสไตล์ที่แตกต่างและไม่เหมือนใคร! จนสามารถทำให้ Drake ก้าวขึ้นสู่ศิลปินอันดับต้นๆ ของวงการเพลงระดับโลก
แร็ปสตาร์ชาวแคนาดาตัวท็อปแห่งวงการฮิปฮอประดับโลกอย่าง “Drake” หรือ “Aubrey Drake Graham” ได้เริ่มต้นอาชีพนักดนตรีในปี 2006 ด้วยการเปิดตัวมิกซ์เทป “Room for Improvement” หลังจากนั้น 3 ปีต่อมาเดรกก็ได้แจ้งเกิดและเป็นที่ยอมรับอย่างเป็นทางการในวงการฮิปฮอปด้วย So Far Gone มิกซ์เทปชุดที่สามที่มีซิงเกิลฮิตอย่าง Successful และ Best I Ever Had และในปี 2010 เดรกก็ออกอัลบั้มแรก “Thank Me Later” หลังจากเซ็นสัญญากับค่ายเพลง “Young Money Entertainment” ซึ่งแน่นอนว่าสไตล์เพลงหรือภาพลักษณ์ของ Drake นั้น.. จะเป็นประเด็นโต้วาทีของคอเพลงหลายๆ กลุ่ม แต่เราคงปฎิเสธไม่ได้ว่าตลอดการทำงานบนเส้นทางดนตรีของเดรกนั้น เขาได้สร้างสรรค์เพลงดังสุดฮิตไต่ชาร์ตเพลงทั่วโลกมาแล้วมากมายนับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็น In My Feelings, Hotline Bling, God’s Plan, One Dance, Passionfruit, Started From The Bottom, Laugh Now Cry Later, Toosie Slide และ Rich Flex
วันนี้แอดเลยอยากจะหยิบเอา 3 เรื่องราวที่น่าสนใจเกี่ยวกับแร็ปสตาร์ตัวท็อประดับโลกที่เติบโตอยู่ใน Toronto อย่าง Drake มาฝากทุกคนกัน เพื่อส่งท้ายปีด้วยจังหวะดนตรีมันส์ๆ ของเขาคนนี้
ศิลปินผู้ที่เกิดและเติบโตมาจากสายเลือดของครอบครัวนักดนตรี
หลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า Drake นั้นเกิดมาพร้อมกับสายเลือดของครอบครัวนักดนตรีโดยแท้ เพราะว่า “Deenis Graham” พ่อของ Drake เป็นมือกลองให้กับศิลปินในตำนานเพลงบลูส์อย่าง “Jerry Lee Lawis” และ “Sandra Sandi Graham” แม่ของ Drake ก็มีพื้นเพจากครอบครัวที่รักในเสียงดนตรีเช่นกัน แถมลุงของ Drake “Larry Graham” เป็นมือเบสให้กับ “Sly and the Family Stone” อีกด้วย
ซึ่งคนที่ชวน Drake เข้าสู่วงการเพลงอย่างแท้จริงนั้นก็คือ “Lil Wayne” แร็ปสตาร์รุ่นใหญ่ผู้ที่รันวงการเพลงฮิปฮอปมาอย่างยาวนานนั่นเอง โดยในช่วงต้นปี 2008 Lil Wayne ได้ฟังซิงเกิลฮิตอย่าง “Replacement Girl” จนรู้สึกประทับใจในความสามารถของชาวแคนาดาคนนี้จนวันหนึ่ง Drake ก็ได้รับโทรศัพท์ที่ไม่คาดคิดจาก Lil Wayne ที่โทรมาชวนให้ Drake มาร่วมทัวร์ Carter III กับเขา เรียกว่าเป็นโทรศัพท์สายสำคัญที่เปิดประตูให้ Drake ได้มองเห็นเส้นทางที่ถูกต้องของตัวเอง จน Drake ต้องทำการสักรูปเหมือนของสุดยอดเมนเทอร์ของเขาไว้บนร่างกายเลยล่ะ และแน่นอนว่า Lil Wayne ก็เป็นหนึ่งใน 3 บุคคลที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับ Drake มาโดยตลอด ส่วนอีก 2 คนที่เขายกย่องไม่แพ้กันก็คือ Jay-Z และ Aaliyah
ครองตำแหน่งเจ้าพ่อเพลงฮิตติดชาร์ตนับไม่ถ้วนตลอดการสร้างสรรค์ผลงาน 7 สตูดิโออัลบั้ม
ต้องยอมรับว่าบนเส้นทางดนตรีกว่า 16 ปีของ Drake นั้น จะได้รับกระแสตอบรับที่ค่อนข้างหลากหลายแนว ทั้งชื่นชอบ หรือไม่ปลื้ม แถมบางครั้งถึงขั้นจิกกัดว่าเขาไม่ใช่ศิลปินฮิปฮอป แต่ทว่าสไตล์การทำผลงานทั้ง 7 อัลบั้มของเดรกกลับมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นและชัดเจนมากๆ ในการผสมผสานแนวเพลง POP & HIPHOP จนเรียกว่าประสบความสำเร็จตั้งแต่เดบิวต์จนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น ซิงเกิล Best I Ever Had ที่ขึ้นสูงสุดที่อันดับ 2 ในชาร์ต Hot 100 Singles จาก Billboard, ซิงเกิล Successful ที่ร่วมแจมกับ Lil Wayne & Treyz Songs ก็คว้ารางวัลเหรียญทองและติดอันดับ 25 เพลงยอดเยี่ยมในปี 2009 จาก Rolling Stone, อัลบั้ม Thank Me Later เปิดตัวที่อันดับ 1 ทั้งในแคนาดาและสหรัฐอเมริกาและได้ระดับแพลตินัม, ในปี 2016 เพลง Hotline Bling กลายเป็นเพลงฮิตที่ทำให้คอเพลงทั่วโลกรู้จัก Drake มากขึ้น แถมยังสามารถคว้ารางวัลแกรมมี่ในสาขาเพลงแร็ปที่ดีที่สุด
ในปี 2018 Drake เป็นศิลปินที่ได้รับความนิยมมากที่สุดจากเพลง One Dance และอัลบั้ม Views เป็นอัลบั้มที่ขายดีเป็นอันดับ 3 ของโลก, Scorpion กลายเป็นอัลบั้มที่ทำลายสถิติอัลบั้มเปิดตัวแรงที่สุด (นับตั้งแต่ปี 1991) และพาเพลงจากอัลบั้มนี้ขึ้นชาร์ต Billboard Hot 100 พร้อมกันถึง 7 เพลง โดยไล่อันดับดังนี้ “Nice for What” อันดับ 1, "Nonstop" อันดับ 2, "God's Plan" อันดับ 4, "In My Feelings" อันดับ 6, "I'm Upset" อันดับ 7, "Emotionless" อันดับ 8, "Don't Matter to Me ft. Michael Jackson” อันดับ 9 และล่าสุดอัลบั้ม Honestly, Nevermind ก็ยังคงประสบความสำเร็จในอันดับที่ 11 ของซิงเกิลอันดับ 1 ใน Hot 100 จากเพลง Jimmy Cooks Ft. 21 Savage
Studio Album
- Thank Me Later (2010)
- Take Care (2011)
- Nothing Was the Same (2013)
- Views (2016)
- Scorpion (2018)
- Certified Lover Boy (2021)
- Honestly, Nevermind (2022)
Collaborative Albums
- Her Loss (2022)
Compilation Albums
- We Are Young Money (as part of Young Money) (2009)
- Rise of an Empire (as part of Young Money) (2014)
- Care Package (2019)
Mixtapes
- Room for Improvement (2006)
- Comeback Season (2007)
- So Far Gone (2009)
- If You're Reading This It's Too Late (2015)
- What a Time to Be Alive (2015)
- More Life (2017)
- Dark Lane Demo Tapes (2020)

หนึ่งในผู้ก่อตั้ง “OVO Sound” ค่ายเพลงสุดฮิปที่มี “Warner Music Group” เป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจ
นอกจากจะเป็นศิลปินเบอร์ต้นๆ ของวงการแล้ว.. Drake ยังเป็นเจ้าของธุรกิจและซัพพอร์เตอร์ให้ธุรกิจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นด้านแฟชั่น ด้านภาพยนตร์ และด้านดนตรี Drake ก็ได้เปิดค่ายเพลง “OVO Sound” ( OVO ย่อมาจาก October's Very Own ) โดยก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2012 ร่วมกับโปรดิวเซอร์คู่ใจ 40 และหุ้นส่วนทางธุรกิจ Oliver El-Khatib แถมยังมีพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจอย่าง “Warner Records” จาก “Warner Music Group” บริษัทด้านดนตรียักษ์ใหญ่ระดับโลกคอยจัดจำหน่ายอัลบั้มและสินค้าอื่นๆ ของค่าย OVO Sound ให้นั่นเอง (แต่อัลบั้มของ Drake ทาง Young Money Entertainment เป็นคนดูแลให้นะ)
อัปเดตผลงานเพลงสุดฮิตและเรื่องราวเท่ๆ ของ “Drake” ได้ที่
Facebook : www.facebook.com/Drake
Instagram : www.instagram.com/champagnepapi
Twitter : www.twitter.com/Drake
Youtube : www.youtube.com/DrakeOfficial
Website : www.drakerelated.com
ขอขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจาก :
- www.musicinminnesota.com/20-interesting-facts-drake
- www.telltalesonline.com/19597/drake-facts
- www.thefactsite.com/drake-facts
- www.factinate.com/people/facts-about-drake