ASIA7 ขับกล่อมคนฟังด้วยดนตรีพื้นบ้านฟิวชั่นอันเป็นเอกลักษณ์ หนึ่งเดียวจากค่าย GeneLab

ASIA7 ขับกล่อมคนฟังด้วยดนตรีพื้นบ้านฟิวชั่นอันเป็นเอกลักษณ์ หนึ่งเดียวจากค่าย GeneLab

เพียงได้ฟังครั้งแรกก็สะกิดโสตประสาทให้รู้ทันทีเลยว่า ดนตรีพื้นบ้านฟิวชั่นคือเอกลักษณ์ของ ASIA7 วงดนตรีคลื่นลูกใหม่แห่งค่าย GeneLab ล่าสุดพวกเขากลับมาพร้อมดนตรีที่มีความลึกมากขึ้นในซิงเกิลใหม่ “นักแสวงโชค”




ASIA7 วงดนตรีแนวเพลง Asian Pop / Fusion ที่ผสมผสานดนตรีไทยร่วมสมัย หนึ่งเดียวจากค่าย GeneLab รวมถึงเป็นวงที่มีสมาชิกมากที่สุดในค่ายถึง 8 คน ประกอบไปด้วย ออย-อมรภัทร (ร้องนำ) / โยเย-นริศรา (ซอ) / ต้น-ต้นตระกูล (เครื่องดนตรีอีสาน) / โอม-กฤตเมธ (แซกโซโฟน) / สุนทร-สุนทร (กีตาร์) / บูม-ปรีดา (คีย์บอร์ด) / ดิว-ภูวิช (เบส) และ โน้ต-ฐิติรัฐ (กลองชุด) ซึ่งทุกๆ บทเพลงของพวกเขาจะมีชั้นเชิงของการผสมดนตรีไทยพื้นบ้านเข้ากับดนตรีสากลได้อย่างกลมกล่อมและมีเอกลักษณ์ ส่งให้เป็นอีกหนึ่งศิลปินรุ่นใหม่ที่น่าจับตามองมากที่สุดในเวลานี้

นอกจากเนื้อหาเพลงที่มีความลึกซึ้งคมคาย พวกเขายังเติมแต่งความจัดจ้านของเครื่องดนตรีที่หลากหลาย เพื่อเพิ่มมิติให้กับบทเพลงได้อย่างน่าสนใจ เพียงได้ฟังครั้งแรกก็สะกิดโสตประสาทให้รู้ทันทีเลยว่า นี่แหละคือเอกลักษณ์ของ ASIA7 หลังปลอบประโลมใจคนโหยหาที่ถูกลืมด้วยเพลง “เจ้าความรัก” กลับมาส่งต่ออารมณ์ความเศร้าหม่นในซิงเกิล “ลืม” และซิงเกิลใหม่ล่าสุดที่มีชื่อเดียวกับอัลบั้ม “นักแสวงโชค” กว่า 6 บทเพลงที่ถูกถ่ายทอดออกมา พวกเขามีแรงบันดาลใจอะไร ถึงได้อยากเผยแพร่ดนตรีสไตล์พื้นบ้านให้เข้าไปอยู่ในใจของผู้ฟัง ลองมาทำความรู้จักกับวง ASIA7 ให้มากขึ้นกัน



ASIA7 วงดนตรี Asian Pop / Fusion ที่เกิดจากการรวมตัวของพี่น้องร่วมสถาบัน
จากพี่น้องร่วมสถาบันที่มีความถนัดทางดนตรีที่แตกต่างกัน เกิดอยากสร้างสรรค์แนวเพลงใหม่ๆ จึงฟอร์มวงโดยเริ่มต้นจากดนตรีบรรเลง พร้อมต่อยอดเป็นวงดนตรีคลื่นลูกใหม่ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

โยเย : พวกเราทั้ง 8 คนเป็นพี่น้องร่วมสถาบันเดียวกันที่วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นพี่น้องที่เห็นหน้าเห็นตากันมานาน สำหรับการฟอร์มวงเกิดจาก “ต้น” ที่เล่นดนตรีพื้นบ้านแต่ก็ชอบฟังเพลงแนวอื่นด้วย เช่น แจ๊ส อยากสร้างสรรค์แนวเพลงใหม่ๆ ที่เป็นการผสมผสาน เลยชักชวนพี่ๆ น้องๆ ต่างสาขามาร่วมวงกัน ซึ่งฝั่งดนตรีสากลก็จะเรียนสาขาแจ๊สกันซะส่วนใหญ่ โอม (แซกโซโฟน) / สุนทร (กีตาร์) / บูม / (คีย์บอร์ด) / ดิว (เบส) และ โน้ต (กลองชุด) ส่วนตัว “โยเย” ก็คือเอกดนตรีไทย มารวมตัวกัน 7 คนโดยเริ่มจากวงที่ทำเพลงบรรเลง

โอม : ตอนทำวงบรรเลงก็จะมีนักร้องเป็นเกสต์แวะเวียนกันมา พอวันนึงเราอยากทำเพลงที่เป็นออริจินอลของวงจริงๆ ประจวบกับช่วงนั้น “ออย” ที่เรียนอยู่สาขาดนตรีคลาสสิคมาเป็นนักร้องให้พอดี ก็เลยได้เป็นนักร้องประจำวงยาวมาจนถึงทุกวันนี้ แต่ก็ยังใช้ชื่อเดิมว่า ASIA7 ที่มีสมาชิก 8 คน เปิดตัวเป็นทางการครั้งแรกเมื่อปี 2559


จากวงดนตรีบรรเลงสู่วงดนตรีไทยร่วมสมัยหนึ่งเดียวของค่าย GeneLab
ฉายแววความโดดเด่นของดนตรีอันเป็นเอกลักษณ์ จนเข้าตาค่ายเพลงดังอย่าง GeneLab และถูกทาบทามให้มาออดิชันแข่งขันเข้ามาเป็นศิลปินคลื่นลูกใหม่ในสังกัด

โยเย : หลังจากที่พวกเรารวมตัวกันเป็นวง ASIA7 พร้อมเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เราก็ทำเพลงลงผ่านช่องทาง Youtube และ Streaming ทำกันเองทุกกระบวนการทุกขั้นตอนเลย โดยมีเพลงร้องเพลงแรกของวงคือเพลง “ขวัญเจ้าเอย” ซึ่งทางพี่โอมก็ได้ติดตามเราจากเพลงนี้ และทาบทาบให้เข้ามาเป็นศิลปินของ GeneLab

ออย : ตอนแรกมีพี่แม็กจากวง The Darkest Romance ได้เข้ามาชักชวนผ่านทาง “ต้น” ว่าแบบพี่โอมสนใจนะมาอยู่ค่าย GeneLab มั้ย เพราะพี่โอมติดตามวงมาสักพักแล้วตั้งแต่เพลง “ขวัญเจ้าเอย” อย่างที่บอกไป พอได้เข้าไปคุยที่ค่ายก็เป็นเวลาประจวบเหมาะกับที่ทางแกรมมี่เปิดออดิชันพอดี เราก็เลยไปออดิชันและได้เข้ามาอยู่ GeneLab

ASIA7 วงดนตรีที่เข้ามาเติมเต็มความหลากหลาย ให้กับห้องทดลองทางดนตรีอย่าง GeneLab
เมื่อได้ยินชื่อ GeneLab หลายคนอาจจะคิดว่านี่คือค่ายเพลงร็อก แต่จริงๆ แล้วยังมีศิลปินอีกหลากหลายแนวเพลง ที่กำลังถ่ายทอดดนตรีในแบบฉบับของตัวเองออกมาให้ผู้ฟังได้ลิ้มลองรสชาติใหม่ๆ เช่นเดียวกับ ASIA7 ที่พวกเขาได้เข้ามาเติมเต็มความหลากหลายทางดนตรีให้กับค่าย GeneLab

ออย : ตั้งแต่ที่ได้คุยกับพี่โอมวันแรกเราก็รู้สึกว่า ค่ายเพลง GeneLab ไม่เหมือนค่ายเพลงอื่นที่เรารู้จัก ถ้าสังเกตจะเห็นได้ว่าแต่ละวงในค่ายจะมีสไตล์ไม่เหมือนกันเลย จะฉีกไปในทางของตัวเอง เราก็เลยรู้สึกว่านี่แหละน่าจะเป็นที่ที่เหมาะกับเรา เราเข้าไปอยู่ตรงนี้มันก็จะดูไม่แปลก ไปเติมเต็มความหลากหลายทางดนตรีให้กับค่ายด้วย แล้วพอได้เข้ามาอยู่จริงๆ ก็รู้สึกว่าทางค่ายให้ความอิสระกับพวกเรามาก ตัววงก่อนเข้ามาที่ค่ายเป็นยังไง มีแนวเพลงแบบไหน กลิ่นเป็นยังไง ก็ยังเหมือนเดิม พร้อมผลักดันความเป็นตัวตนของ ASIA7 อย่างเต็มที่



เมื่อก้าวเข้าสู่การเป็นศิลปินที่มีสังกัดเต็มตัว เป้าหมายของ ASIA7 ก็ชัดเจนขึ้น
หลังจากร่วมงานกับ GeneLab มาเกือบ 2 ปี เมื่อเทียบกับการทำเพลงเอง ASIA7 สามารถทำผลงานในแบบที่เป็นตัวเองได้เต็มที่กว่าที่เคยด้วยแรงซัพพอร์ตจากค่าย ผลงานมาพร้อมเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ที่ต้องการเติบโตทั้งในตลาดเพลงไทยและต่างประเทศ

ดิว : หลังจากเป็นศิลปินที่มีสังกัดเต็มตัว ผมคิดว่ามันทำให้เป้าหมายของคน 8 คนที่บางทีมีความคิดแตกต่างกัน ได้มีเป้าหมายที่ตรงกันมากขึ้น ชัดเจนมากขึ้น เท่ากับว่าการที่เราทำงานในค่ายเพลงก็มีจุดที่ชัดเจนอย่างหนึ่ง คือเราต้องออกไปสู่สาธารณะ สู่ตลาดดนตรี แต่ที่แน่ๆ เลยมีเป้าหมายในการทำเพลงที่ชัดเจนขึ้นก่อน เพราะว่าเราเริ่มรู้ทางแล้วว่าเราต้องจะทำเพลงแบบไหนที่จะนำมาปล่อยกับค่าย เรามีศักยภาพในการสื่อสารได้ดีขึ้นเพราะมีทางค่ายคอยซัพพอร์ต ไม่ว่าจะเรื่องมิวสิควิดีโอที่เราต้องทำกันเองมาตลอด หรือว่าในเรื่องของการโปรโมต เพราะงั้นเป้าหมายของวงที่แน่ๆ คืออยากให้เป็นที่รู้จักในประเทศ แต่ก็มีเป้าหมายที่เป็นคู่ขนานอย่างการทำเพลงที่ไปสู่ในตลาดต่างประเทศก็ใฝ่ฝันอยากจะทำอยู่ ก็เลยอยากจะมุ่งไปทั้งสองเส้นทาง

คลังเก็บเพลงของ ASIA7 ที่สมาชิกในวงทุกคนสามารถเติมไอเดียเจ๋งๆ เข้าไปได้เสมอ
ด้วยสมาชิกที่มีมากถึง 8 คนแต่พวกเขามีวิธีการทำงานที่เป็นระบบแบบแผน เริ่มจากมีคลังเก็บเพลงเดโม่ที่สมาชิกทุกคนสามารถเติมไอเดียเจ๋งๆ เข้าไปได้ตลอด ก่อนที่เพลงจะถูกหยิบนำไปใช้ด้วยกติกาการโหวต

ดิว : สำหรับเนื้อเพลงวงเราจะมีเดโม่อยู่ประมาณล็อตนึงที่ทุกคนช่วยกันเขียน แล้วแต่ว่าใครมีไอเดียอะไรก็จะทำเดโม่เข้ามาใส่ในคลังหรือตะกร้าอันนี้ แล้วหลังจากนั้นก็จะเอามายำกันในวง มีการโหวตกันภายในวงว่าควรเอาเพลงไหนมาทำเป็นซิงเกิลต่อไป เพื่อที่จะลุยงานกันต่อไป เพราะฉะนั้นทุกคนมีสิทธิ์ที่จะออกไอเดียได้เสมอ

โยเย : จริงๆ เรามีเดโม่เพลงอีกเยอะมาก แต่เราจะดูฟังก์ชันของการนำเพลงมาปล่อยในแต่ละช่วง เช่น เราคุยกันว่าซิงเกิลต่อไปอยากได้เพลงประมาณนี้ เราอยากได้ฟังก์ชันการใช้งานประมาณนี้ เพราะฉะนั้นเดโม่ที่เรามากองกันไว้ตรงกลางก็จะมีการคัดเลือก คิดว่าเพลงไหนควรปล่อยตอนไหน เพลงไหนควรเอามาอยู่ในอัลบั้ม หรือเพลงไหนควรรอเอาไว้ปล่อยในปีถัดไป เราจะดูฟังก์ชันการใช้งานเป็นหลัก

ดิว : พอเราได้เดโม่แล้วก็จะมาแยกกันทำงานต่อไป ซึ่งใครมีไอเดียที่ชัดเจนต่อเพลงนั้นๆ ก็จะเอาไปทำต่อ เช่น “ออย” หรือ “โยเย” มีไอเดียเกี่ยวกับเนื้อร้องที่ต้องเพิ่มเติม หรือผมกับ “ต้น” มีไอเดียเรื่องซาวด์ก็จะมาเรียบเรียงกัน จนได้เดโม่ที่สมบูรณ์ประมาณนึงแล้วก็เข้าห้องอัด ซึ่งระหว่างทางก็จะมีพี่ๆ เข้ามาช่วยดูภาพรวม คอยชี้แนะในมุมมองจากคนนอกบ้าง เพื่อไม่ให้ตันกับความคิดของวงมากเกินไป

ออย : อย่างเพลง “กล่อม” ก็ได้พี่ปู๋จากวง Hens มาช่วยเกลาๆ เนื้อเพลง “ถ้าเธอคิดถึงใคร” ก็ได้พี่โอมมาช่วยเกลาเนื้อเพลง ส่วน “จำขึ้นใจ” และ “เจ้าความรัก” ก็ได้พี่แพทจากวง Klear มาช่วยดูและโปรดิวซ์ให้



ท้าทายคนฟังด้วยความหลากหลายทางดนตรีคือเสน่ห์ของ ASIA7
ด้วยสไตล์ดนตรีที่เกิดจากการผสมผสาน ASIA7 จึงคอยคิดค้นรสชาติของดนตรีสไตล์พื้นบ้านที่มีความหลากหลายมาเสิร์ฟคนฟังอยู่ตลอด และคนฟังจะไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่า แต่ละเพลงที่พวกเขาถ่ายทอดออกมาจะไปในทิศทางไหน

โยเย : เสน่ห์ของ ASIA7 คือความหลากหลาย ทั้งสมาชิก ทั้งแนวดนตรี และเครื่องดนตรี มันคือส่วนผสมของหลายๆ อย่าง ที่เมื่อมารวมตัวกันมันก็เกิดความหลากหลาย เรารู้สึกว่าเนี้ยก็คือเสน่ห์อย่างนึงของ ASIA7 ทางฝั่งคนฟังเองเราก็เชื่อว่าเขาต้องคาดไม่ถึงเหมือนกัน ว่าแต่ละเพลงที่เราปล่อยออกมาจะเป็นแนวไหน เลยคิดว่าอันนี้เป็นเสน่ห์อย่างนึงของ ASIA7

ดิว : เป็นเรื่องของความท้าทายในประสบการณ์การฟังเพลงของผู้ฟัง ว่าจะได้พบเจอกับดนตรีขอใช้คำว่ามันสนุกแล้วกัน เพราะรู้สึกว่า ASIA7 เวลาทำเพลงหรือเล่นดนตรีด้วยกันแล้วมันเกิดความสนุก รวมถึงเราถ่ายทอดความสนุกนั้นออกไป บางทีเพลงมันมีความเครียดแต่พวกเราสนุกในความเครียดนั้น บังเอิญว่าพวกเรามันเสพติดดนตรีที่ใส่ความลับสมองเข้าไป หรือใส่ความท้าทายทางดนตรีบางอย่างเข้าไป คนฟังนอกจากจะเสพดนตรีแล้ว ก็จะได้ประสบการณ์การฟังว่าเพลงนี้มีองค์ประกอบยังไง เล่าเรื่องยังไง เลือกมู้ดแอนด์โทนของเครื่องดนตรีต่างๆ ให้มีบทบาทในเพลงยังไงบ้าง


ตอกย้ำเอกลักษณ์ทางดนตรีด้วยซิงเกิล “ลืม (Fade Away)”
เพลงช้าที่ยังคงเต็มไปด้วยกลิ่นอายเครื่องดนตรีไทยร่วมสมัยอันเป็นเอกลักษณ์ของวง ถ่ายทอดความเศร้าแบบเข้าถึงอารมณ์ด้วยเสียงร้องและไลน์ดนตรีที่สุดจัดของสมาชิกทั้ง 8 คน

ออย : เพลง “ลืม” คนขึ้นทำนองคนแรกคือ “บูม” จากนั้น “ออย” ใช้เวลาแต่งเนื้อเพลงประมาณ 1-2 ชั่วโมงเท่านั้น โดยเพลงนี้ได้หยิบหลายประเด็นขึ้นมาแต่ง ได้แรงบันดาลใจมาจากซีรีส์เรื่องนึง เกี่ยวกับความทรงจำ การจากลา ความเจ็บปวดของคนที่กำลังจะถูกทิ้ง เลยหยิบเอาเรื่องนี้มาแต่งและได้เป็นเพลง “ลืม” นั่นเอง

ดิว : ในส่วนของดนตรีอย่างที่บอกว่า “บูม” ได้ขึ้นในส่วนของดนตรีมาค่อนข้างจะครบองค์ประกอบพื้นฐานแล้วประมาณนึง มีทั้งเมโลดี้ ทำนอง และคอร์ด ก็เอามาเพิ่มเติมในพาร์ทของริทึ่ม รวมถึงเอาเครื่องดนตรีไทยมาเป็นองค์ประกอบในเพลงนี้ ซึ่งจริงๆ เราไม่ได้ทำงานกันแบบนี้ในทุกเพลงนะ อาจจะเป็นเครื่องดนตรีไทยตั้งต้นมาก่อน หรือเนื้อร้องมาก่อนก็ได้ แต่อย่างเพลงนี้เราได้ทำนองมาก่อน เครื่องดนตรีไทยเลยมาเป็นองค์ประกอบที่เข้ามาเติมสีสันให้สมบูรณ์แบบมากขึ้น


“นักแสวงโชค” ซิงเกิลล่าสุดที่พวกเขาบอกว่าเป็นเหมือนตัวแทนของวง
ซิงเกิลสุดพิเศษปลดปล่อยตัวตนทางดนตรีแบบไม่ยั้งของวง ASIA7 ที่บอกเล่าเรื่องราวเปรียบเปรยชีวิตผู้คนดั่งนักแสวงโชคชะตา เป็นเพลงที่เหล่าสมาชิกต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันได้ว่าปล่อยของมากที่สุด รวมถึงยังเป็นเพลงธีมหลักของอัลบั้มเต็มชุดแรกของพวกเขาที่มีชื่อว่า The Seeker อีกด้วย

โยเย : “นักแสวงโชค” เป็นเพลงที่จะค่อนข้างจัดจ้านมากขึ้น ถ้าใครที่เคยฟังเพลง “กล่อม” จะมีความลึกอยู่แล้วประมาณนึง แต่เพลงนี้จะมีความลึกเข้าไปมากกว่าอีก มีความเป็นเวิลด์มิวสิกเรียกประมาณนั้นเลยก็ได้

ออย : เพลง “นักแสวงโชค” มีความพิเศษคือได้ฟีทเจอริ่งกับนักดนตรีต่างชาติด้วย เป็นนักดนตรีชาว Irish ที่บันทึกเสียงส่งตรงมาจากไอร์แลนด์เลย ก็ทำเพลงนี้มันมีกลิ่นที่ชัดเจนมากขึ้น มีสำเนียงที่เป็นโฟล์คมากขึ้น

ดิว : ต้องบอกว่าเป็นเพลงที่มีเดโม่มานานแล้วมาก่อน “กล่อม” ด้วยซ้ำ ความพิเศษคือมันรอจังหวะนี้ที่จะปล่อย ด้วยฟังก์ชันของเพลงนี้มันไม่พร้อมที่จะปล่อยมาก่อนหน้านี้ เลยปล่อยเพลงที่ฟังง่ายออกมาก่อน เหมือนค่อยๆ ไล่ระดับขึ้นมา ซึ่งเรามีจุดประสงค์ทำให้คนรู้จักเราประมาณนึง พอวันที่เราจะปล่อยอัลบั้มเราสามารถปล่อยเพลงที่มันปล่อยของ แล้วก็เป็นตัวของตัวเองได้เต็มที่ เชื่อว่าเป็นเพลงที่แฟนๆ ของเราเฝ้ารอที่จะฟังเพลงแบบนี้

โยเย : ส่วนเนื้อหาเป็นการเล่าเรื่องของใครหลายคน เพราะเราเชื่อว่าทุกคนเกิดมาเพื่อตามหาอะไรบางอย่าง บางคนอาจจะเป็นทรัพย์สินเงินทอง ความรัก หรือความมั่นคงในหน้าที่การงาน เราเลยเปรียบว่าชีวิตของแต่ละคนคือนักแสวงโชค รวมถึงวง ASIA7 สมาชิกแต่ละคนก็เป็นนักแสวงโชคด้วยเหมือนกัน ที่กำลังตามหาอะไรบางอย่าง มีการทดลองทำอะไรใหม่ๆ มันก็คือบทบาทนึงของนักแสวงโชค มันเลยเป็นเพลงที่น่าจะเล่าถึงชีวิตคนได้ประมาณนึง

ดิว : ด้วยเพลงนี้เป็นชื่อเดียวกับชื่ออัลบั้มที่กำลังจะปล่อยด้วย วงเราเดินทางมาถึงทุกวันนี้ความยากอย่างนึงก็คือไม่มีใครปูทางไว้ให้ในทิศทางของดนตรี บางทีเราก็ตอบตัวเองยากว่าเราจะไปในทางไหน ดนตรีในปีหน้าหรือซิงเกิลต่อไปจะแนวไหน เพราะฉะนั้นเราก็แทนตัวเองไปในเพลงนี้ว่าเป็นนักแสวงโชคที่มันค่อนข้างตรงกับเรื่องราวของวงที่ผ่านมาด้วย อาจจะแนวดนตรี เครื่องดนตรี หรืออะไรก็ตามที่มันพาเรามาถึงวันนี้ “นักแสวงโชค” ก็เลยเป็นตัวแทนของเราด้วย



กว่า 6 บทเพลงที่ได้ถ่ายทอดออกมาสมาชิกวง ASIA7 ชื่นชอบเพลงไหนเป็นพิเศษ

ดิว : เพลง “กล่อม” ด้วยโมเมนต์เปิดตัววงเรารู้สึกว่าได้เพลงนี้ค่อนข้างสมศักดิ์ศรีของวง แล้วเวลาที่เราเล่นเพลงนี้ทำให้รู้สึกว่าเพลงมันอยู่ตรงกลางพอดีกับปัจจัยหลายๆ อย่างที่เราคำนึงถึง

โน้ต : เพลง “จำขึ้นใจ” เป็นเพลงที่เป็นตัวของตัวเองมากที่สุด และเวลาเล่นรู้สึกว่าสนุกที่สุด

โอม : เพลง “เจ้าความรัก” เป็นเพลงที่มีความสวยงาม มีความสวยหรู เลยทำให้ชอบเพลงนี้ที่สุด

สุนทร : ผมชอบทุกเพลงแต่ถ้าเอาโมเมนต์เล่นสด เพลง “จำขึ้นใจ” น่าจะเป็นเพลงที่เราสามารถใส่ความเป็นตัวเองในเวลานั้นได้ดีที่สุด เราเลยเลือกเป็นเพลงปิดทุกครั้ง เพราะเวลาเล่นเราไม่ต้องยั้ง

ออย : เพลง “กล่อม” เพราะเป็นเพลงที่ทุกคนบอกว่ามันมีเอนเนอจี้ รวมถึงเป็นเพลงที่บ่งบอกความเป็น ASIA7 มากที่สุด และเป็นคนที่ขึ้นเพลงเองด้วยเลยแอบชอบเป็นพิเศษ

บูม : เพลง “นักแสวงโชค” เพราะเป็นเพลงที่ได้ปล่อยของมากที่สุดเพลงหนึ่งของวง

โยเย : จริงๆ ชอบทุกเพลง ไม่ได้ลอกคำตอบพี่สุนทรนะ (ขำ) เพราะแต่ละเพลงมันมีฟังก์ชันไม่เหมือนกัน และแต่ละเพลงที่เราร่วมกันทำกันขึ้นมา มันทำให้เราได้เติบโต ได้เรียนรู้อะไรหลายๆ แต่ถ้าให้บอกว่าชอบที่สุดเพราะมันได้ใช้สมองไปกับมันเยอะมากคือเพลง “นักแสวงโชค” มันมีกลเม็ด มีอะไรที่ซ่อนอยู่ในเพลงค่อนข้างเยอะ



GeneLabCon คอนเสิร์ตใหญ่ครั้งแรกของค่าย ที่เหล่าสมาชิก ASIA7 ใส่พลังเกินร้อยเพื่อคนดู

ออย : เป็นคอนเสิร์ตคอนเสิร์ตแรกของวงที่เล่นในประเทศแล้วมีคนดูเยอะขนาดนี้ เพราะปกติถ้าเป็นสเกลประมาณนี้วงจะไปเล่นที่ต่างประเทศโดยที่ไม่มีใครรู้จักเราเลย แต่คอนเสิร์ตนี้เป็นครั้งแรกที่มีคนตั้งใจมาดูพวกเราโดยเฉพาะ ก็เลยรู้สึกตื่นเต้นมาก ปลื้มปริ่มเวลามีคนร้องเพลงตามได้ อันนี้ก็คือเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เซอร์ไพรส์มาก ไม่คิดว่าจะมีคนฟังเพลงแล้วตามร้องในคอนเสิร์ตได้เยอะขนาดนี้ ตอนแรกก็กลัวว่าเพลงวงจะฟังยากหรือเปล่า แต่พอมีคนร้องได้เยอะแล้วแบบมันสะท้อนขึ้นมาถึงบนเวที ทั้งวงเรารู้สึกอิ่มอกอิ่มใจและมีพลังที่จะส่งกลับลงไปให้คนดู นับว่าคอนเสิร์ตที่เราส่งพลัง ส่งแพชชั่น ไปให้คนดูแบบเกินร้อยมากๆ



ต้องบอกว่า ASIA7 เป็นวงดนตรีคลื่นลูกใหม่แห่งค่าย GeneLab ที่คอยสร้างสรรค์ดนตรีรสชาติใหม่ๆ มาให้แฟนๆ ได้ลองฟังกันอยู่เสมอ เพราะต้องการให้ทุกคนได้รับประสบการณ์การฟังเพลงที่แตกต่าง จึงพยายามเผยแพร่ดนตรีสไตล์พื้นบ้านฟิวชั่นอันเป็นเอกลักษณ์ของวงให้เข้าไปอยู่ในใจของผู้ฟัง The Concert เชื่อว่าหากได้ลองเปิดใจฟังเพลงของพวกเขาสักครั้ง คุณจะเสพติดดนตรีอันกลมกล่อมนี้จนหยุดฟังไม่ได้



ติดตามความเคลื่อนไหวของ “ASIA7” ได้ที่ : www.facebook.com/asia7band และ www.facebook.com/genelabrecords